วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติความเป็นมา

การลอยโคม เป็นประเพณีพื้นบ้านในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ที่ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานนิยมทำกัน ถือเป็นการปล่อยเคราะห์ ปล่อยโศกและเรื่องร้ายๆต่างๆ ให้ไปพ้นจากตัว แต่เดิมนั้นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จะมีพิธีลอยกระทงเรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม ลอยโคม ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ กระทำเพื่อบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนาก็ทำพิธี ยกโคม เพื่อบูชา พระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ประเทศอินเดีย
    
     สำหรับการลอยกระทงตามสายน้ำนี้เกิดขึ้นครั้งแรกตามหลักฐานที่บันทึกเอาไว้ว่า นางนพมาศ ซึ่งเป็นสนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัยได้คิดทำกระทงรูปดอกบัวและรูปต่าง ๆ ถวาย พระร่วง ทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหลใน หนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนด นักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชา พระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน" ครั้นถึง สมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงามมีการประกวดประขันกัน
               
     ลอยโคมลงน้ำ และการ ลอยพระประทีป ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ถือเป็นประเพณีสำคัญประจำเดือนสิบสอง (ประมาณเดือนพฤศจิกายน) ในยุค กรุงรัตน-โกสินทร์ตอนต้น
                        ในเชียงใหม่ ภาคเหนือของไทย ชาวไทย (ล้านนา) ตลอดฤดูกาลจะใช้โคมลอยในพิธีเฉลิมฉลองทางศาสนา และโอกาสพิเศษอื่นๆ โดย เฉพาะอย่างยิ่งเทศการลอยกระทง หรือเทศการโคมยี่เป็งซึ่งเป็นเทศกาลที่คนหนุ่มสาวและคู่รักไปลอยกระทงด้วยกันที่ริมแม่น้ำ และปล่อย โคมลอยด้วยกัน โดยปกติแล้วงานนี้จะจัดขึ้นในช่วงพระจันทร์เต็มดวงในเดือนสิบสองตามเดือนจันทรคติตามปฏิทินพุทธศาสนา ซึ่งปกติ แล้วก็คือเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเป็นการให้โชคลาภในการลอยกระทงและปล่อยโคมลอย โดยเฉพาะชนชาวพุทธที่มี ความเชื่อว่า มัน เป็นสัญลักษณ์ของการขจัดปัญหาและความทุกข์กังวลให้ล่องลอยไป มันเป็นประเพณีในการให้โคมกับวัดและพระภิกษุ เนื่องจากว่าผู้ให้ เชื่อว่าพวกเขาจะได้รับความสว่างความเห็นแจ้งในชีวิตกลับมาเฉกเช่นเดียวกับเปลวไฟในโคมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา แสงสว่างจาก โคมจะนำไปสู่ เส้นทางที่ถูกต้อง
ประวัติของโคมลอยนั้นต้องนับย้อนหลังไปเป็นหลายร้อยปี มันสืบเนื่องมาจากการที่กองทัพทหารใช้พวกมันเป็นเครื่องมือในการให้สัญญาณ ซึ่งต่อมาภายหลังได้มีการดัดแปลงนำไปใช้ในการขอพรจากสวรรค์โดยประชาชนทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น